เว็บการเมือง-ไทย

ประวัติพรรคประชาธิปัตย์ (Democrat Party)

ประวัติพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ (Democrat Party) เป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2489 โดยพันตรี ควง อภัยวงศ์ ภายหลังจากนั้น พรรคได้เปลี่ยนชื่อจาก “พรรคก้าวหน้า” เป็น “พรรคประชาธิปัตย์” เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2491

ประวัติพรรคประชาธิปัตย์

การก่อตั้งพรรคประชาธิปปัตย์ ประวัติพรรคประชาธิปัตย์

พรรคประชาธิปัตย์ถูกก่อตั้งขึ้นโดยพันตรีควง อภัยวงศ์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2489 แต่พรรคถือว่าวันที่ 6 เมษายน เนื่องจากเป็นวันจักรีเป็นวันก่อตั้งพรรค พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมและกษัตริย์นิยม

ในการเลือกตั้งในเดือนมกราคม พ.ศ. 2489 พรรคประชาธิปัตย์ต้องแข่งขันกับพรรคที่สนับสนุนนายปรีดี พนมยงค์ และพรรคก้าวหน้าของสองพี่น้องจากราชสกุลปราโมช คือ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชและ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช

แม้ว่ากลุ่มพันธมิตรที่นำโดยนายปรีดีจะได้รับเสียงมากที่สุดในรัฐสภา อย่างไรก็ตาม นายปรีดีปฏิเสธการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐสภาได้แต่งตั้งพันตรีควงเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2

แต่ในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2489 พันตรีควงลาออกจากตำแหน่งพร้อมกับคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ หลังจากแพ้โหวตในร่างพระราชบัญญัติที่เสนอโดยนายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ ส.ส. อุบลราชธานี ด้วยคะแนน 65-63 เสียง และถูกแทนที่โดยนายปรีดี

พรรคประชาธิปัตย์มีอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม พรรคยึดมั่นในระบอบกษัตริย์ และสนับสนุนเศรษฐกิจแบบเสรี พรรคยังเน้นการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของประชาชนอีกด้วย

ในอดีต พรรคประชาธิปัตย์เคยเป็นแกนนำในการก่อตั้งรัฐบาลหลายครั้ง และมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ถึง 4 คน ได้แก่ พันตรี ควง อภัยวงศ์ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช นายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

พรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกทั่วประเทศกว่า 1.5 ล้านคน และมีสาขาพรรคกว่า 1,000 สาขา ฐานเสียงหลักของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในภาคใต้และกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในทางการเมืองไทยมาโดยตลอด

วันที่ 6 เมษายน ของทุกปีถือเป็นวันเกิดของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ของประเทศไทย. แต่ก่อนหน้านี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 6 เมษายน แต่จริงๆ แล้วเป็นวันที่ 5 เมษายน ตามคำบอกเล่าของ นายควง อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนแรก

ข้อดีของพรรคประชาธิปปัตย์

พรรคประชาธิปัตย์มีข้อดีหลายอย่างที่ทำให้เป็นพรรคการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในทางการเมืองไทย ดังนี้:

  1. ประชาธิปไตยและเสรีนิยม: พรรคประชาธิปัตย์มีอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม พรรคยึดมั่นในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของประชาชน และเน้นการสนับสนุนเศรษฐกิจแบบเสรี

  2. การเป็นแกนนำในการก่อตั้งรัฐบาล: พรรคประชาธิปัตย์เคยเป็นแกนนำในการก่อตั้งรัฐบาลหลายครั้งในอดีต และมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ถึง 4 คน ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นของประชาชนในพรรคนี้

  3. ความเข้มแข็งในการเลือกตั้ง: พรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกทั่วประเทศกว่า 1.5 ล้านคน และมีสาขาพรรคกว่า 1,000 สาขา ซึ่งแสดงถึงความเข้มแข็งในการเลือกตั้งและการเป็นกำลังสนับสนุนในการดำเนินงานทางการเมือง

  4. การมีฐานเสียงหลักในภาคใต้และกรุงเทพมหานคร: พรรคประชาธิปัตย์มีฐานเสียงหลักอยู่ในภาคใต้และกรุงเทพมหานคร ที่เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญในการเลือกตั้งและการดำเนินการทางการเมืองในประเทศไทย

  5. ความเป็นประวัติการณ์: พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2489 และมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศไทยตลอดระยะเวลาหลายสิบปี

เนื่องจากข้อดีของพรรคการเมืองสามารถมีความหลากหลายและมีมุมมองต่างกันได้ การให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อดีของพรรคประชาธิปัตย์เป็นเพียงแค่ภาพรวม และอาจมีข้อดีอื่นๆที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในข้อความนี้

ข้อเสียของพรรคประชาธิปปัตย์

การเป็นพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคอื่น ๆ ก็มีข้อเสียบางอย่างที่อาจจะต้องพิจารณาด้วยด้วย

  1. การแบ่งแยกและการท้าทาย: การเป็นพรรคการเมืองอาจส่งผลให้มีการแบ่งแยกในสังคม และการท้าทายกับพรรคการเมืองอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความขัดแย้งและการแตกแยกในสังคม

  2. การใช้ความเลือกตั้งเป็นเครื่องมือ: บางพรรคการเมืองอาจใช้ความเลือกตั้งเป็นเครื่องมือในการเพิ่มอำนาจและความเป็นผู้นำ ซึ่งอาจทำให้เกิดการแข่งขันและการใช้เลือกตั้งในทางที่ไม่เต็มใจ

  3. การเลือกตั้งไม่สมาคม: บางครั้งการเป็นพรรคการเมืองอาจทำให้การเลือกตั้งไม่สมาคม โดยการให้ความสำคัญกับการเป็นส่วนหนึ่งของพรรคแทนที่จะให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งที่เป็นรากฐานของระบบประชาธิปไตย

  4. การเป็นพรรคในระยะยาว: การเป็นพรรคการเมืองอาจทำให้เกิดความเครียดและการแย่งชิงอำนาจในระยะยาว โดยอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในการนำพรรคและการแข่งขันในการเป็นผู้นำในอนาคต

  5. การเสียสละความเป็นอิสระ: การเป็นพรรคการเมืองอาจเสียสละความเป็นอิสระและความเสรีของสมาชิก โดยอาจต้องปฏิบัติตามนโยบายและกฎระเบียบของพรรค และอาจต้องเสียสละความเห็นต่างๆ เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับพรรค

ติดตามข่าวการเมืองเพิ่มเติมได้ที่ :: ข่าวการเมืองล่าสุด

พรรคประชาธิปปัตย์

#ข่าวการเมือง
#ปชป
#ส.ส.
#พรรคประชาธิปัตย์
#ประชาธิปัตย์
#พรรค
#โลโก้พรรค
#สสประชาธิปัตย์

#ผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์
#งูเห่า 
#สสงูเห่า